วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
ชื่อพันธุ์กล้วย
กล้วย เป็นพรรณไม้ล้มลุกในสกุล Musa มีหลายชนิด เช่น กล้วยน้ำว้า กล้วยน้ำไท กล้วยหอมทอง กล้วยหอมเขียว กล้วยไข่ กล้วยตานี กล้วยหักมุก กล้วยเล็บมือนาง กล้วยนิ้วมือนาง กล้วยส้ม กล้วยนาค กล้วยหิน กล้วยงาช้าง ฯลฯ บางชนิดก็ออกหน่อแต่ว่าบางชนิดก็ไม่ออกหน่อ ใบแบนยาวใหญ่ ก้านใบตอนล่างเป็นกาบยาวหุ้มห่อซ้อนกันเป็นลำต้น ออกดอกที่ปลายลำต้นเป็น ปลี และมักยาวเป็นงวง มีลูกเป็นหวี ๆ รวมเรียกว่า เครือ พืชบางชนิดมีลำต้นคล้ายปาล์ม ออกใบเรียงกันเป็นแถวทำนองพัดคลี่ คล้ายใบกล้วย เช่น กล้วยพัด (Ravenala madagascariensis) ทว่าความจริงแล้วเป็นพืชในสกุลอื่น ที่มิใช่ทั้งปาล์มและกล้วย
วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
พันธุ์กล้วย
พันธุ์กล้วยในประเทศไทย
ประเทศไทยมีการปลูกกล้วยกันมาช้านาน กล้วยที่ปลูกมีมากมายหลายชนิด พันธุ์กล้วยที่ใช้ปลูกในประเทศไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณนั้น มีทั้งพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิม และนำเข้ามาจากประเทศใกล้เคียง กล้วยที่รู้จักกันในสมัยสุโขทัยคือ กล้วยตานี และปัจจุบันในจังหวัดสุโขทัยก็ยังมีการปลูกกล้วยตานีมากที่สุด แต่เรากลับไม่พบกล้วยตานีในป่า ทั้งๆ ที่กล้วยตานีก็เป็นกล้วยป่าชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย จีน และพม่า ดังนั้นจึงสันนิษฐานว่า กล้วยตานีน่าจะนำเข้ามาปลูกในประเทศไทยตั้งแต่สมัยสุโขทัยตอนต้น หรือช่วงการอพยพของคนไทยมาตั้งถิ่นฐานที่สุโขทัย
วงจรชีวิตของกล้วย
กล้วย ต้นเดียวสามารถให้ผลผลิตได้สามหรือสี่ครั้งในช่วงชีวิตของมัน กล้วยหอมเขียวปรกติที่โตได้ที่จะออกลูกราวๆสิบกว่าหวี แต่ละหวีอาจมีลูกมากถึงยี่สิบลูก แม้ว่าสวนกล้วยจำนวนมากจะมีระบบชลประทานละการเก็บเกี่ยวทันสมัย แต่การเก็บเกี่ยวจริงก็ยังคงทำด้วยมือ คนงานจะตัดเครือลงมา แล้วลำเลียงมันไปยังพื้นที่ดำเนินการส่วนกลาง บางครั้งก็ด้วยการแบกขึ้นหลังไป หรือบางครั้งก็ใช้รอกชัก
ผล ของกล้วยยังคงเป็นสีเขียวตราบเท่าที่มันติดอยู่กับต้น แต่ทันทีที่ตัดลงมา มันก็จะเริ่มสุก การตัดกล้วยจะเป็นการกระตุ้นให้มันปลดปล่อยก๊าซเอธีลีน ซึ่งก็คือ ไฮโดรคาร์บอนในรูปแบบที่ไม่ซับซ้อนออกมา การปรากฏตัวของเอธีลีนนี้เท่ากับการเปิดฉากชุดของเหตุการณ์ที่บ่มกล้วยก่อน ไปจัดลงกล่องข้าวของคุณ รสฝาดเริ่มเปลี่ยนเป็นหวาน สารเพคติน(เอนไซม์ ที่ใช้ในการทำแยม) ลดลง ทำให้กล้วยนุ่มขึ้น คลอโรฟิลล์สลายตัวไป กล้วยเปลี่ยนเป็นจากสีเขียวเป็นสีเหลือง ที่สำคัญที่สุดก็คือแป้ง ซึ่งเป็นส่วนประกอบส่วนใหญ่ของมวลกายของกล้วยสีเขียว ก็เริ่มกลายเป็นน้ำตาล กล้วยที่ยังคาต้นมีฟรุคโตสอยู่ราว 1 เปอร์เซ็นต์ ถึงตอนที่มันถูกตัด ขนส่ง และซื้อไป และกำลังจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอยู่บนเคาน์เตอร์ในครัวคุณนั้น สัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ (หลังจาก นั้น การเน่าบูดก็จะเริ่ม จุดนี้เองที่สามารถเอาไปหมักเป็นไวน์กล้วยหรือเบียร์กล้วย ซึ่งแพร่หลายในแอฟริกา เครื่องดื่มทั้งสองชนิดนี้เป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติประหลาด และรสชาตินั้นก็ยากจะหายประหลาด) การ ทำสวยกล้วยอาศัยการปลูกใหม่เป็นระยะๆ กระบวนก็ง่ายๆ ด้วยการขุดหน่อพร้อมเหง้าไปฝังที่ไหนสักแห่งเท่านั้นเอง ในการเกษตรเชิงพาณิชย์จะเว้นระยะห่างที่วัดอย่างละเอียด ส่วนกล้วยตามหมู่บ้านนั้นมักจะปลูกแบบกะๆเอามากกว่า แต่ไม่ว่าในกรณีไหน แต่ละหน่อก็จะเติบโตเป็นต้นใหม่ หลังจากผ่านไปราวสองสามปี ต้นแม่ก็จะหยุดแตกหน่อ เมื่อสิ้นวงจรชีวิตของมัน เหง้าของกล้วยก็จะลอยจากดินกลายเป็นสิ่งที่ชาวสวนเรียกว่า “กล้วยปลดระวาง” รากและใบแห้งๆของมันแผกองทับกันบนพื้น (ตอนที่ผมออกกำลังจากสวนกล้วยใน ฮอนดูลัสคราวไปเยือนในปี 2000 หนึ่งในคนงานที่ผมอยู่ด้วยในตอนบ่ายชี้ ให้ผมดูแปลงของสวนที่กล้วยปลดระวาง พวกนี้เป็นกล้วยต้นใหญ่ที่สุดที่ผมเคยเห็น ก็ไม่ได้สูงถึงขนาดสามสิบฟุตซึ่งเป็นขีดจำกัดสูงสุดของต้นกล้วยหรอกครับ แต่ก็สูงกว่าผมเกือบสามเท่า “คุณคงไม่อยากไปเดินในนั้นหรอก” เขาบอกผม ให้เหตุผลว่ากล้วยในระยะปลดระวางจะยึดดินไม่แน่นนัก พวกมันพร้อมจะโค่นลงมา เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้ายอย่างแท้จริง “คนอาจจจะตายหรือโดนทับ” ชาวสวนกล้วยบอกกับผม “ถ้าไม่ระวังให้ดี”)
จน ถึงสิ้นวงจรชีวิตของกล้วย มันอาจจะผลิตต้นลูกสาวอีกสิบกว่าต้นที่ยังคงเติบโตงอกงามต่อไป ทายาทเหล่านั้นก็จะขยายพันธุ์ไปด้วยเช่นกัน สำหรับสิ่งมีชีวิตที่ไม่แต่งงานและมีเพศสัมพันธ์แล้ว นี่นับเป็นรุปแบบความเป็นอมตะที่ออกจะน่าคิดทีเดียว มันสามารถจะดำเนินต่อไปแทบไม่รู้จบ หรืออย่างน้อยที่สุดก็คาดว่าจะเป็นเช่นนั้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)