วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

เพื่อเทิดพระเกียรติต่อพระมหากรุณาอันล้นพ้นเพื่อประโยชน์สุขของอาณาประชาราษฎร์และความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติ วันที่ 12 สิงหาคม จึงจัดให้เป็นวันหยุดแห่งชาติ (และเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์นี้) ปวงข้าพระพุทธเจ้าร่วมกับพสกนิกรชาวไทยขอถวายพระพรชัยมงคลแด่องค์สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ขอจงทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์และจงทรงพระเกษมสำราญ เทอญ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชสมภพในวันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ทรงเป็นพระธิดาองค์ใหญ่ในพระวรวงศ์เธอกรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ และหม่อมหลวงบัว กิติยากร สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเมื่อทรงพระราชสมภพทรงมีฐานันดรศักดิ์เป็น หม่อมราชวงศ์และพระนาม “สิริกิต์” ซึ่งมีความหมายว่า “ยังความปลื้มปิติยินดีและเกียรติยศมาสู่ตระกูลกิติยากร” นั้นเป็นพระนามซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้
หม่อมราชวงศ์สิริกิต์ เริ่มเข้ารับการศึกษาในชั้นอนุบาลที่โรงเรียนราชินีล่างแล้วย้ายไปศึกษาต่อที่โรงเรียนเซ็นต์ฟรังซิสซาเวียร์ คอนแวนต์ในช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลงพระบิดาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอัครราชฑูตไทยประจำประเทศฝรั่งเศสและประเทศเดนมาร์คและต่อมาทรงดำรงตำแหน่งเอกอัครราชฑูตไทยประจำประเทศอังกฤษ หม่อมราชวงศ์สิริกิต์จึงได้ย้ายตามพระบิดาไปศึกษาต่อในประเทศยุโรปและ ณ ที่นี้นี่เองที่พระองค์ได้ทรงพบกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทรงประกอบพิธีหมั้นกับหม่อมราชวงศ์สิริกิต์ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2492 และในเดือนมีนาคมของปีต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จนิวัติสู่ประเทศไทยโดยมีพระบรมวงศานุวงศ์และหม่อราชวงศ์สิริกิต์พร้อมทั้งครอบครัวตามเสด็จเพื่อทรงประกอบพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) ครั้นถึงวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2493 เวลา 9.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสขึ้นในวังสระปทุมและในปีเดียวกันนี้ของวันที่ 5 พฤษภาคม ได้ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 9 แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดารวม 4 พระองค์คือ
1. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตน์ราชกัญญาศิริวัฒนาพรรณวดี ประสูติเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2494 ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์
2. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์ สยามมงกุฏราชกุมาร ประสูติเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2495 ณ กรุงเทพมหานครฯ
3. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ประสูติเมื่อวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2498 ณ กรุงเทพมหานครฯ
4. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ ประสูติเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2500 ณ กรุงเทพมหานครฯ
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2499 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชศรัทธาปสาทะในบวรพระพุทธศาสนาได้ทรงผนวช สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้ทรงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ได้ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเป็นผลดีทุกประการ ต่อมาทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์พระบรมราชินีนาถ”
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถนอกจากจะทรงดำรงฐานะเป็นพระบรมราชินีนาถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระมารดาของพระราชโอรสและพระราชธิดาของทุกพระองค์แล้ว ยังทรงอุทิศพระองค์ประกอบพระราชกรณียกิจต่างๆ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของเหล่าพสกนิกรชาวไทยและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติอีกด้วย พระองค์ทรงใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเสด็จพระราชดำเนินไปยังถิ่นทุรกันดารเพื่อทรงหาแหล่งเพิ่มพูนรายได้เสริมในช่วงนอกฤดูกาลเก็บเกี่ยวให้แก่เหล่าพสกนิกร หรือแม้ในพื้นที่แห้งแล้งหรือประสบอุทกภัยและเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ขัดสนในชนบทให้มีรายได้พอเลี้ยงตนเองได้ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง “มูลนิธิศิลปาชีพพิเศษ” ขึ้นเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 และมูลนิธิที่จัดตั้งขึ้นนี้ได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีทุกวันนี้ ประชาชนผู้ยากไร้หลายพันคนพร้อมทั้งครอบครัวต่างได้รับประโยชน์จากพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นในครั้งนี้กันทุกถ้วนหน้า


                                                     



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น